cmg เปิดอาณาจักรแฟชั่นเติบโตแข็งแกร่ง พร้อมรุกธุรกิจนำแบรนด์ชั้นนำทะยานสู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้านภายในปี 2566
24 ส.ค. 2566
อ่าน 15 นาที
เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (cmg) ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายและบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลกกว่า 40 แบรนด์ ในกลุ่มแฟชั่น ความงาม นาฬิกาและสินค้าเทคโนโลยี ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เตรียมอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 1,300 ล้านบาท เร่งเครื่องสร้างการเติบโตด้วยการ ‘ขยายแบรนด์-ขยายแพลตฟอร์ม’ ตั้งเป้าสร้างรายได้เกิน 1 หมื่นล้านบาท สำหรับหมวดแฟชั่นภายในสิ้นปี 2566 พร้อมทุ่มทำการตลาดเชิงรุกแบบเต็มสูบ ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่งแฟชั่นรีเทลไทย
นายเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ธุรกิจแฟชั่นแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่สำคัญของ cmg ทั้งในกลุ่มเครื่องแต่งกาย รองเท้า เครื่องประดับ และนาฬิกา ที่มีการอัปเดตพอร์ตฟอลิโอและเทรนด์ของแบรนด์แฟชั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แบรนด์แฟชั่นเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคและสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าทุกกลุ่มได้ cmg จึงมองเห็นโอกาสที่จะต่อยอดธุรกิจให้เติบโตจากเทรนด์อุตสาหกรรมแฟชั่นที่ในปีนี้ยังคงเป็นเซกเมนต์ที่มีความต้องการสูงของตลาด
“ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจแบรนด์แฟชั่นเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดคิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดของ cmg โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจแบรนด์แฟชั่นพรีเมียม รวมถึงแฟชั่นแนวสตรีทที่เน้นการสวมใส่สบายมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยมาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Z ประกอบกับพฤติกรรมคนไทยซึ่งเป็นผู้บริโภคที่มีความทันสมัยในเรื่องแฟชั่น (fashion-forward customers) มากที่สุดในเอเชีย ดังนั้น cmg จึงมุ่งสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้กับสินค้า เพื่อดึงดูดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าจำนวนมากทั้งจากไทยและจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คลั่งไคล้สินค้าแฟชั่น ให้เข้ามาจับจ่ายสินค้าในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางแฟชั่นที่ได้รับการยอมรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
นางสาวจิตรฤดี พนิตพล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินค้าแฟชั่นและนาฬิกา บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวเสริมว่า ธุรกิจสินค้าแฟชั่น ถือเป็นธุรกิจหลักที่เป็นกำลังสำคัญของ cmg ด้วยสินค้ามากกว่า 20 แบรนด์ดังระดับโลก ครอบคลุมตั้งแต่ Luxury, Premium และ Mainstream segment จึงถือเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตลาดนี้ เพราะมี แบรนด์ในทุกกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ Polo Ralph Lauren, Emporio Armani, Calvin Klein, Guess, Tommy Hilfiger, Casio, MLB, A|X Armani Exchange, G2000, Lee, Wrangler, Jockey , John Henry, FitFlop, Skechers, Crocs และ Hush Puppies นอกจากความหลากหลายของสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคแล้ว cmg ยังมีจุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นของแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 1,900 จุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ cmg ทำนิวไฮเติบโตมากกว่า 16% ด้วยยอดขายตลอดช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 (ก่อนโควิด-19) และเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 34% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงสุด คือ แบรนด์ในกลุ่มสินค้าพรีเมียม ที่เติบโตพุ่งทะยานมากถึง 131% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 (ก่อนโควิด-19) และเติบโตขึ้น 49% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา
“ความสำเร็จอย่างล้นหลามของธุรกิจสินค้าแฟชั่นของ cmg มาจากการบริหารจัดการแบรนด์ในพอร์ตฟอลิโออย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ในการร่วมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน พร้อมทั้งมุ่งเน้นการคัดสรรแบรนด์ใหม่ๆ มาเสริมในทุกไตรมาส เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตลอดจนการขยายกลุ่มประเภทของสินค้าให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้การเพิ่มช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ cmg เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น การเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของแต่ละแบรนด์, การสร้างร้านค้าบน Tiktok และการทำ ไลฟ์สตรีมมิ่งบนแพลตฟอร์มต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ คือ การพัฒนาพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ cmg ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการสร้างวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรแบบคนรุ่นใหม่ให้เป็นศูนย์รวมของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อให้องค์กรได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างผู้นำและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นางสาวจิตรฤดี กล่าว
“ ในฐานะที่ cmg คือ ผู้นำตลาดแฟชั่นรีเทลของประเทศไทย เราพร้อมส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าในทุกช่องทาง และเตรียมรุกแคมเปญการตลาดในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าแบรนด์ และเทรนด์แฟชั่นต่างๆ ด้วยพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งของ แบรนด์แฟชั่น รวมถึงแบรนด์ความงามและเทคโนโลยี เพื่อตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 แฟชั่นรีเทลที่ครองใจคนไทยอันเป็นที่รักของเรามาอย่างยาวนาน ” นายเอ็ดวิน กล่าวสรุป
นายเอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ธุรกิจแฟชั่นแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่สำคัญของ cmg ทั้งในกลุ่มเครื่องแต่งกาย รองเท้า เครื่องประดับ และนาฬิกา ที่มีการอัปเดตพอร์ตฟอลิโอและเทรนด์ของแบรนด์แฟชั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แบรนด์แฟชั่นเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคและสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าทุกกลุ่มได้ cmg จึงมองเห็นโอกาสที่จะต่อยอดธุรกิจให้เติบโตจากเทรนด์อุตสาหกรรมแฟชั่นที่ในปีนี้ยังคงเป็นเซกเมนต์ที่มีความต้องการสูงของตลาด
“ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจแบรนด์แฟชั่นเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดคิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมดของ cmg โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจแบรนด์แฟชั่นพรีเมียม รวมถึงแฟชั่นแนวสตรีทที่เน้นการสวมใส่สบายมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยมาจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Z ประกอบกับพฤติกรรมคนไทยซึ่งเป็นผู้บริโภคที่มีความทันสมัยในเรื่องแฟชั่น (fashion-forward customers) มากที่สุดในเอเชีย ดังนั้น cmg จึงมุ่งสร้างสรรค์ความแปลกใหม่ให้กับสินค้า เพื่อดึงดูดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าจำนวนมากทั้งจากไทยและจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คลั่งไคล้สินค้าแฟชั่น ให้เข้ามาจับจ่ายสินค้าในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางแฟชั่นที่ได้รับการยอมรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
นางสาวจิตรฤดี พนิตพล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินค้าแฟชั่นและนาฬิกา บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวเสริมว่า ธุรกิจสินค้าแฟชั่น ถือเป็นธุรกิจหลักที่เป็นกำลังสำคัญของ cmg ด้วยสินค้ามากกว่า 20 แบรนด์ดังระดับโลก ครอบคลุมตั้งแต่ Luxury, Premium และ Mainstream segment จึงถือเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตลาดนี้ เพราะมี แบรนด์ในทุกกลุ่มเป้าหมายและครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ Polo Ralph Lauren, Emporio Armani, Calvin Klein, Guess, Tommy Hilfiger, Casio, MLB, A|X Armani Exchange, G2000, Lee, Wrangler, Jockey , John Henry, FitFlop, Skechers, Crocs และ Hush Puppies นอกจากความหลากหลายของสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคแล้ว cmg ยังมีจุดจำหน่ายสินค้าแฟชั่นของแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 1,900 จุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ cmg ทำนิวไฮเติบโตมากกว่า 16% ด้วยยอดขายตลอดช่วงเดือนมกราคม - กรกฎาคม 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 (ก่อนโควิด-19) และเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 34% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงสุด คือ แบรนด์ในกลุ่มสินค้าพรีเมียม ที่เติบโตพุ่งทะยานมากถึง 131% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 (ก่อนโควิด-19) และเติบโตขึ้น 49% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 ที่ผ่านมา
“ความสำเร็จอย่างล้นหลามของธุรกิจสินค้าแฟชั่นของ cmg มาจากการบริหารจัดการแบรนด์ในพอร์ตฟอลิโออย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ในการร่วมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน พร้อมทั้งมุ่งเน้นการคัดสรรแบรนด์ใหม่ๆ มาเสริมในทุกไตรมาส เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตลอดจนการขยายกลุ่มประเภทของสินค้าให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้การเพิ่มช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ cmg เข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น การเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของแต่ละแบรนด์, การสร้างร้านค้าบน Tiktok และการทำ ไลฟ์สตรีมมิ่งบนแพลตฟอร์มต่างๆ และที่ขาดไม่ได้ คือ การพัฒนาพนักงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ cmg ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการสร้างวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรแบบคนรุ่นใหม่ให้เป็นศูนย์รวมของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อให้องค์กรได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างผู้นำและพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต” นางสาวจิตรฤดี กล่าว
“ ในฐานะที่ cmg คือ ผู้นำตลาดแฟชั่นรีเทลของประเทศไทย เราพร้อมส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้าในทุกช่องทาง และเตรียมรุกแคมเปญการตลาดในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำเข้าแบรนด์ และเทรนด์แฟชั่นต่างๆ ด้วยพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งของ แบรนด์แฟชั่น รวมถึงแบรนด์ความงามและเทคโนโลยี เพื่อตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 แฟชั่นรีเทลที่ครองใจคนไทยอันเป็นที่รักของเรามาอย่างยาวนาน ” นายเอ็ดวิน กล่าวสรุป